ตอนที่ 2
พวกเขาใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีในการจัดการกับมื้อ เย็น ระหว่างที่เรนนี่กับรามช่วยกันยกจานชามลงไป ล้างที่ใต้ถุนบ้าน รินก็ขยับเข้าไปที่ลิ้นชักพลาสติก หยิบ เอากระปุกใบเล็กออกมา พอเปิดฝากระปุกออก ก็ เผยให้เห็นแบงก์ยี่สิบสองสามใบ และเศษเหรียญอีก จำนวนหนึ่ง
รินหย่อนแบงก์ร้อยที่ได้ในวันนี้ลงไป และทำการ นับยอดเงินทั้งหมดอีกครั้ง
“สองร้อยเจ็ดบาทยี่สิบห้าสตางค์” ริมฝีปากบาง ขยับพึมพำ
นี่ก็คือ “ทรัพย์สมบัติ' ทั้งหมดที่พวกเขาสามคน พี่น้องมี
เดิมทีตาจำก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรอยู่แล้ว กระท่อม หลังนี้เองก็แอบสร้างขึ้นมาบนที่ดินรกร้างของคนอื่น สมัยที่ตาจ๋ายังแข็งแรงก็จะไปรับจ้างใช้แรงงานตาม สวนในหมู่บ้านรอบๆ แลกกับค่าแรงอันแสนน้อยนิด
ยิ่งตอนนี้ตาจำซึ่งเป็นเสาหลักของบ้านจากไป แล้ว สถานการณ์ภายในบ้านของเขายิ่งย่ำแย่ลงอีก
“เทอมหน้าเรนนี่ก็จะขึ้นชั้นประถมแล้ว”
รินที่เป็นพี่คนโตแบกรับภาระอันหนักอึ้งไว้บนบ่า
แม้รัฐบาลจะมีสวัสดิการเรียนฟรี แต่การเลื่อน ชั้นเรียนก็ยังคงมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอยู่ อาทิเช่นค่า เครื่องแบบ เครื่องเขียน และตำราเรียนเหล่านั้น ซึ่ง รินไม่สามารถหาเงินมาซื้อของเหล่านี้ให้น้องได้
“หรือเราควรจะลาออกจากโรงเรียนแล้วไปทำ งาน?"
แม้การไปช่วยที่ร้านชำของป้าเพ็ญทุกสุด สัปดาห์ จะทำให้พวกเขาสามพี่น้องพอประทังชีวิตไป ได้ แต่พอคิดถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้ว รินก็มองไม่เห็น ทางออกอื่นอีก นอกซะจากตัวเขาซึ่งเป็นพี่ใหญ่จะละ ทิ้งความฝันของตัวเอง และดิ้นรนช่วยให้พวกน้องๆ ได้กินอิ่มนอนอุ่นมากกว่านี้อีกสักนิด
“พี่รินนน มาอาบน้ามมมมม”
ขณะที่ความคิดของรินกำลังดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ เสียงเจื้อยแจ้วของเรนนี่ก็ดังขึ้น ร่างบางสะดุ้งเบาๆ หลุดออกจากภวังค์
มือเรียวสวยปิดฝากระปุกเงิน ก่อนจะเดินไป หยิบผ้าถุงที่พาดตากเอาไว้ และเดินลงไปที่ชั้นล่าง
“มาแล้วๆ เอา ยกมือขึ้นสูงๆ”
รินกล่าวพลางสวมผ้าถุงลงไปบนตัวของเรนนี่ จากนั้นก็ช่วยเมล็ดถั่วน้อยถอดเสื้อยืดกับกางเกงขา สั้นออก ด้านรามที่อายุสิบขวบแล้วสามารถช่วยเหลือ ตัวเองได้ เด็กชายพันผ้าขนหนูไว้ที่เอว จากนั้นก็เดิน
ไปเปิดฝาโอ่งขึ้น
กระท่อมหลังนี้ไม่มีทั้งน้ำประปาและไฟฟ้า ตอน กลางคืนหากพวกเขาต้องทำการบ้านก็จะใช้วิธีจุด เทียน ส่วนน้ำก็ใช้โอ่งสามสี่ใบที่ตาจ๋ซื้อมาเมื่อหลาย สิบปีก่อนรองน้ำฝนเอา
“อู่วววว หนาวม้าก”
รามใช้ขันตักน้ำราดไปบนตัวขาวล้ำม่ำของเรนนี่ เมล็ดถั่วน้อยไม่ทันตั้งตัวจึงหนาวสะท้านจนฟันบนฟัน ล่างกระทบกัน
“ฮะๆ” รินหัวเราะให้กับท่าทางซื่อบื้อของน้องคน เล็ก พลางหยิบสบู่ก้อนเก่าที่ใช้จนเหลือขนาดเท่านิ้ว ก้อยขึ้นมาถูตัวให้น้องชายทั้งสอง ...
“พี่รินก็ถูด้วย ถูๆ” เรนนี่ที่เต็มไปด้วยฟองหันมา ถูไถมือไปตามใบหน้าและลาดไหล่ของพี่ชาย ดวงตาคู่ กลมยิ้มยิบหยีอารมณ์ดี
การเป็นเด็กน้อยก็ดีเช่นนี้ สามารถใช้ชีวิตได้ อย่างไร้ทุกข์ไร้กังวล
รินบีบแก้มยุ้ยๆ ของน้องชายด้วยความหมั่นไส้
ไปทีหนึ่ง ขณะที่รามตักน้ำมาเต็มขัน เตรียมจะราดลง ไปบนตัวของเรนนี่อีกครั้ง
หนนี้พี่ชายคนรองผู้เข้มงวดกล่าวเตือนก่อนว่า “ จะเทละนะ” ก่อนจะเอียงขันลงไป
ยามค่ำคืนกลางป่ากลางเขาเช่นนี้ อุณหภูมิลดต่ำ กว่าปกติ น้ำเองก็เย็นไม่ใช่เล่น หนนี้ไม่ใช่แค่เรนนี่ที่มี อาการปากคอสั่นแล้ว รินกับรามเองก็ด้วย
“รีบแต่งตัวเถอะ"
เด็กหนุ่มใช้ผ้าขนหนูที่ทั้งดำทั้งขาดเช็ดไปตาม เส้นผมของเด็กทั้งสอง
ขณะที่รินกำลังจะหยิบฝามาปิดครอบโอ่งอีก ครั้ง เสียงรถมอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้น
กระท่อมตีนเขาที่รินอยู่ ตั้งอยู่ติดกับถนนลูกรัง เล็กๆ เส้นหนึ่ง ร้อยวันพันปีจะมีรถผ่านมาสักคันหนึ่ง ที่โชคร้ายก็คือมอเตอร์ไซค์คันนี้แล่นผ่านมาตอนที่ พวกเขากำลังอาบน้ำกันอยู่
คนบนรถมองมาเห็นโอเมก้าอายุยังน้อยที่ผิว พรรณหมดจดกำลังนุ่งผ้าถุงเตรียมสวมเสื้อผ้า ก็จอด รถแล้วผิวปาก พ่นถ้อยคำหยาบโลนออกมาทันที
“อาบน้ำอยู่เหรอจ๊ะคนสวย ให้พี่ช่วยเปลื้องผ้า เอาไหม?" 2
ดวงตาของ 'คนสวย' ทอประกายคมกริบ
แทบจะเป็นพริบตาเดียวกัน ที่รินเขวี้ยงฝาโอ่งใน มือออกไป
นิ้วววว
“โอ๊ย” ฝาโอ่งกระแทกเข้ากลางลำตัวของเจ้าของ มอเตอร์ไซค์อย่างจัง อีกฝั่งกรีดร้องออกมาด้วยความ จุก โซเซอยู่สองสามทีกว่าจะใช้ขายันพื้นไม่ให้ล้มหงาย หลังไปได้
ความเจ็บปวดทำให้คนคนนั้นถลึงตาแดงก่ำ “อี โอเมก้านี่!”
แต่ก็เป็นอย่างที่รามพูด รินซึ่งเป็นโอเมก้าตัวเล็ก ผอมบางคนนี้เป็นถึงหัวโจกโรงเรียน แม้โรงเรียน มัธยมประจำตำบลจะมีนักเรียนแค่ไม่กี่สิบชีวิต แต่ริน ก็สู้ชนะพวกเบต้าชายในโรงเรียนในการดวลหนึ่งต่อ หนึ่งมาแล้วทุกครั้ง กับอีแค่คนขับมอเตอร์ไซค์ที่ บังเอิญผ่านทางมาคนหนึ่ง รินย่อมไม่กลัวเช่นกัน
“ไสหัวไป! อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“ซี้ด” พลังของฝาโอ่งเมื่อสักครู่นี้รุนแรงมาก จริงๆ คนขับมอเตอร์ไซค์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความ โกรธ แต่เพราะรู้ตัวว่าไม่สามารถสู้กับโอเมก้าคนนี้ได้ สุดท้ายเขาจึงขี่รถเผ่นหนีไปพร้อมทิ้งท้ายไว้ว่า“ฝากไว้ก่อนเถอะ วันหลังฉันจะพาพวกมารุม X แกจนซ่าไม่ออกเลยคอยดู!!”
เสียงของคนขับมอเตอร์ไซค์ห่างออกไปเรื่อยๆ จนไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเครื่องยนต์ที่แต่งมาจน หนวกหูแล้ว สามพี่น้องก็ค่อยๆ ขยับตัวหันมาสบตา กันอย่างเงียบเชียบ
“พี่”
เมล็ดถั่วน้อยอายุห้าขวบอย่างเรนนี่ย่อมหวาด กลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ร่างขาวล้ำม่ำขยับเข้าไปเบียดกอด ขารินอย่างเสียขวัญ
“ไม่ต้องกลัว ถ้ามันกล้ากลับมาอีกพี่จะจัดการมัน เอง เมื่อกี้เรนนี่ก็เห็นแล้วนี่ว่ามันสู้พี่ไม่ได้” ร่างบางย่อ ตัวลงไปกอดปลอบเด็กน้อย จากนั้นก็รีบผลัดเปลี่ยน เสื้อผ้า และพาพวกเด็กๆ ขึ้นไปบนเรือน
รามมีท่าทีเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลา เด็กชายวัยสิบ ขวบเป็นอัลฟ่าเพียงคนเดียวของบ้าน เขาจึงมักรู้สึกว่า ตัวเองมีหน้าที่ปกป้องดูแลพี่ชายกับน้องชาย แต่เมื่อ สักครู่นี้เขากลัวจนไม่กล้าขยับ ลำบากพี่ชายที่เป็น โอเมก้าต้องออกหน้าสู้คนเดียว
“ขอโทษ เมื่อกี้ผมควรจัดการเขา” เด็กชายก้ม หน้าคอตก
รินที่กำลังกางมุ้งอยู่ชะงักไปจังหวะหนึ่ง และย่อ ตัวลงมากอดปลอบน้องชายคนรอง “บอกแล้วไงว่าไม่ ต้องห่วง พี่ไล่เขาไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
แม้ปากจะกล่าวเช่นนั้น ทว่าภายในใจของริน กลับเต็มไปด้วยความกังวล
คนขับมอเตอร์ไซค์เมื่อสักครู่ ถ้าจำไม่ผิดดู เหมือนจะเป็นพวกขี้เหล้าเมายาจากหมู่บ้านข้างๆ จาก การไปช่วยขายของที่ร้านชำป้าเพ็ญ ทำให้รินได้ยิน วีรกรรมของอีกฝ่ายมาบ้าง
ดูเหมือนจะมีพรรคพวกที่มานั่งดื่มเหล้าเสพยา กันอยู่สามสี่คนจริงๆ
รินมั่นใจมากว่าตนสามารถสู้แบบตัวต่อตัว กับเบต้าชายได้สบายมาก แต่ถ้าอีกฝ่ายมีพวกมาก
กว่า หรือมีอาวุธในมือ ผลลัพธ์ก็คงไม่ต้องคาดเดา
ยิ่งคำพูดที่อีกฝ่ายทิ้งท้ายเอาไว้ก็ยิ่งทำให้ริน กังวล
แต่เขาไม่มีที่ให้หนี และไม่มีใครให้พึ่งพิงอีกแล้ว
เด็กหนุ่มได้แต่พยายามกล่อมน้องๆ ให้เข้านอน ส่วนตัวเองได้แต่พลิกตัวอย่างกระสับกระส่ายไปตลอด คืน