เพื่อนที่ปรึกษา

บทนำ

ครืด ครีด~

: เมซ

“เงียบหน่อย”

เสียงทุ้มของพี่ใหญ่แห่งตระกูลวิระโภคิน อย่าง ซาร์น คุณานนต์ วิระโภคิน กดต่ำเช่นเดียวกับ หว่างคิ้วหนา สายตาจ้องมองชื่อที่คุ้นเคยสลับกับเวลา ที่นาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วถ้าไม่มีธุระหรือ เกิดอะไรขึ้นอีกฝ่ายคงจะไม่ติดต่อตนตอนนี้แน่

(ฮัลโหล)

“ซาร์น ๆ ช่วยด้วย มันจะขึ้นมาคอนโดกู !”

เม เมษา หารปรีชา เพื่อนผู้หญิงคนเดียวของ กลุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือร้องขอความช่วยเหลือ จากเพื่อนสนิทที่ตนไว้ใจที่สุด

(ไอ้กรณ์ ?)

“ใช่ มันจะทำร้ายกู !"

จากที่คิ้วกดต่ำใช้ความคิดตอนนี้เหยียดตรงเต็ม

ไปด้วยโทสะ เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำของเธอปลุกความ บ้าดีเดือดของผู้คุมวิญญาณในตัวเขาให้โชติช่วง

“เฮียกลับก่อน”

ซาร์นลุกขึ้นด้วยความรีบร้อนลนลานพานให้น้อง ทั้งสองมองตามคนเป็นพี่ ถึงจะรู้ว่าเฮียใหญ่ของพวก เขาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแต่เพราะความสัมพันธ์พี่น้อง ยังไงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม

“เฮีย ดึกมากแล้วนะคะ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเฮียบินเจ็ท”

ฝ่ามือหนาจัดสูทก่อนเอื้อมมือลูบหัวน้องสาวคน เล็ก แม้ท่าทางจะอ่อนโยนแต่มีความรนอยู่นั้นไม่ได้ ช่วยให้แซนดี้คลายกังวลลงได้เลย เธอรู้ดีว่าภายใต้ใบ หน้าที่สงบนิ่งนี้ในใจของพี่ชายกำลังร้อนรนดั่งไฟเผา

“รีบขนาดนั้นเลยเหรอคะ มีอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า เพื่อนเฮียน่ะ”

“พี่เมษา ?”

เขาพยักหน้าตอบแล้วหันไปตบบ่าว่าที่น้องเขย และสุดท้ายสั่งลาน้องชายที่เข้าใจเขาดี ก่อนจะติดต่อ ให้เครื่องบินส่วนตัวมารับให้เร็วที่สุด

แม้จะใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงในการเดินทาง แต่เขา กลับกระวนกระวายใจไปหมด มือแกร่งกำจนขึ้นสัน กล้ามเนื้อ เขาทั้งห่วงเธอที่เป็นเพื่อนและโกรธอีกคนที่ เธอเอ่ยถึงแม้จะเป็นแฟนของเธอก็ตาม

เหนือหลังคาบ้านดาดฟ้าตึกมีเครื่องบินลำหนึ่ง กำลังเคลื่อนตัวอย่างเร่งรีบเพราะผู้โดยสารตอนนี้ แทบจะนั่งนิ่งไม่ได้ จนลูกน้องที่รับหน้าที่เป็นพลขับ เร่งสปีดใช้ความเร็วสูงสุดของยานพาหนะลำนี้

เครื่องบินเล็กลงจอดยังไม่แน่นิ่งผู้โดยสารก็ กระโจนลงไปอย่างรีบร้อน ซาร์นวิ่งตาลีตาเหลือกลง บันไดจากดาดฟ้ามาที่ห้องทำงานของตัวเอง ความ เหนื่อยหอบจากการเดินทางบวกกับการวิ่งไม่มีเลยถึง ร่างกายตอนนี้จะเต็มไปด้วยเหงื่อก็เถอะ

“เมษ!"

ร่างสูงโปร่งยังไม่ทันพ้นประตูปากก็เอ่ยเรียกชื่อ อีกคนที่อยู่ในใจ เพียงแต่เธอตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ มีแค่ เพื่อนที่เขาโทรไหว้วานให้ไปหาเธอนั่งหัวโด่อยู่สองคน

“หลับไปแล้ว อยู่ในห้องมึง”

เมื่อได้ฟังคำตอบใจก็สงบลงบ้าง เขาสูดหายใจ เข้าเต็มปอดแล้วเดินอย่างเชื่องช้ามานั่งลงโซฟาตัวที่ ว่างอยู่ แม้จะเป็นห่วงอยู่มากแต่เมื่อรู้ว่าเธอปลอดภัย ก็เพียงพอแล้ว

“เดี๋ยวกูมา”

“เบามือหน่อยแล้วกันเฮีย ลูกน้องมันไม่ได้ผิด อะไร"

เขาไม่อยู่ฟังเดินเข้าห้องมืดที่เต็มไปด้วยลูกน้อง เดนตายหลายสิบนายยืนเรียงรายรอเขา ทุกคนในที่นี้ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยมองหน้าของเจ้านายด้วยซ้ำเพราะ ความผิดที่ทำตามคำสั่งไม่ได้

เพี้ยะ ! เพี้ยะ ! กระบอกปืนฟาดลงเต็มแรงที่ ข้างแก้มผู้ชายร่างกำยำสองนายเป็นการตักเตือน ทว่า แรงที่เขาใช้นั้นมันทำให้ทั้งคู่ที่โดนเลือดไหลอาบปาก

“ข.. ขอโทษครับนาย”

“กูบอกให้ดูแลเมษดี ๆ ! ไปมุดหัวอยู่ไหนตอนมัน จะทำร้ายเมษ !"

“พวกผมเข้าคอนโดคุณเมษไม่ได้ครับนาย นิติจะ แจ้งความอย่างเดียวเลย”

ผู้เป็นเจ้าของชีวิตยืนค้ำเอวเหลือบมองลูกน้อง แม้เขาจะเข้าใจดีกับสิ่งที่ลูกน้องพูด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี ความผิด หากรอบคอบสักนิดเธอก็คงไม่มีอันตราย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก !

“นายครับ คุณเมษมา”

ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวออกไปเธอคนนั้นก็เข้ามา ก่อน จนเขาต้องสั่งให้ลูกน้องออกไปแทนและรีบส่ง ปืนให้คนสนิททันควัน

สาวน้อยก้าวมาหยุดตรงหน้าเพื่อนรักแม้ไฟจะ สลัวแต่ทว่ารอยบนใบหน้าขาวเนียนนั่นกลับชัดเจน ประจักษ์ให้เขาเห็น จนอีกคนเริ่มโมโหเดือดดาลขบกัด กรามแน่นขึ้นอีกครั้ง

“มึง.. ทำอะไรพวกพี่เขา ไม่ใช่เพราะกูใช่ไหม”

“เรื่องงาน ลงมาทำไม”

น้ำเสียงกับแววตาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ความ อ่อนโยนที่เขาแสดงออกมีแค่ครอบครัวและเธอคนนี้ เท่านั้นที่จะได้เห็นมัน

“พวกนั้นบอกมึงอยู่นี่ มึงชอบทำร้ายลูกน้องตอน มาห้องนี้นิ”

คำพูดการกระทำที่ดูเข้าอกเข้าใจกับรอยยิ้มของ หญิงสาวตัวเล็กชโลมให้เขาที่กำลังร้อนผ่าวสงบเย็น ลง เธอก็ยังเป็นดั่งสายน้ำเย็นของเขาเสมอมา

เพียงแต่ไม่ได้เป็นของเขาแค่คนเดียว..

เพื่อบสนิททั้งสองก้าวเข้าห้องมาพร้อมกับโดยมี

เพื่อนอย่างแทนและสิงห์รออยู่ และเหมือนว่ากำลังรอ ให้เพื่อนสาวคนเดียวของกลุ่มเล่าความเป็นมา

“อยากเล่าไหม”

สิงห์รับหน้าที่เป็นตัวแทนผู้ชายทั้งหมดเอง เพราะดูทรงแล้วให้คนที่อยากรู้ที่สุดคงไม่เอ่ยปาก ถาม แต่น่าจะไปง้างหาความจริงจากผู้ชายคนนั้นแทน

“คือ.. กูเลิกกับมันแล้ว พึ่งเลิกเมื่อวานแหละ กู จับได้ว่ามันมีคนอื่นแต่มันไม่ยอมรับเลยทะเลาะกัน แล้ว.. มันก็ตบกู”

แค่ฟังที่เธอเล่าความสงบนิ่งก็ขาดฝั่ง เจ้าของผับ บาร์แห่งนี้อยากจะตามล่าตัวผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าแฟน ( เก่า) ของเธอมาสับเป็นชิ้น ๆ ต้มซุปแล้วสาดทิ้ง ให้ หมากินยังกลัวหมาอาหารเป็นพิษตาย

ทว่าความคิดของเขาต้องหยุดลงเมื่อเห็น กระบอกตาที่กำลังเห่อแดงขึ้นของเธอ ก่อนที่น้ำตาใส จะไหลรินอาบแก้ม เมษานั่งก้มมองตักตัวเองสักพัก ปล่อยให้สายธารอุ่นรินรดใบหน้าเนียนจนพอใจแล้ว เงยขึ้นมองเพื่อนทั้งสามเหมือนต้องการระบาย

“ความจริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก กูแค่ไม่อยากให้

พวกมึงเป็นห่วง”

เอเอ

“เม ยังไงพวกกูก็เป็นเพื่อนมึง”

“ซาร์นมันชอบไปต่อยตีกับคนอื่น ฮึ!”

เธอพูดกลั้วหัวเราะพลางปาดน้ำตาลวก ๆ สาย ตาชุ่มฉ่ำจ้องไปยังเพื่อนที่คนสนิทที่สุดพร้อมบอกเหตุ ผลที่ตนเก็บไว้ ความจริงเธอแค่ไม่อยากให้เพื่อนต้อง เดือดร้อนกับเรื่องของตนเท่านั้นเอง เพราะทุกครั้งที่ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผู้ชายคนนั้นที่ทำร้ายเธอมักจะได้ รับผลกรรมเป็นเท้าไม่ก็หมัดเป็นการแก้แค้นให้เธอทุก ครั้ง

“ที่ร้องไห้เพราะยังรักมัน?”

คำถามพ่นออกจากปากของผู้บริหารมาเฟีย เสียงเย็นยะเยือกไม่พอใจนั่นทำให้เพื่อนทั้งสองสะกิด กันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนี้

“ไม่.. กูแค่เคยรักเขามาก กูพยายามปรับตัวทุก อย่างประคองความรักของกูให้รอดมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วกูคบกับเขามาสี่ปีไม่ใช่เวลาน้อย ๆ เลยนะมึง กู เสียดายเวลา”

“เสียดายทำไม เหี้ย ๆ แบบนั้นกูไม่ฆ่าทิ้งก็บุญหัว มันแล้ว!”

ประโยคที่เต็มไปด้วยความโกรธเปล่งอย่างไม่ปิด บัง เมษารู้ดีว่าเพื่อนเป็นห่วงตนแค่ไหน ทุกการกระ ทำคำพูดเธอรับรู้ได้ตลอด อาจจะเพราะเธอเป็นผู้ หญิงคนเดียวของกลุ่มก็ได้เลยถูกดูแลเป็นอย่างดี

“ฮี! มึงก็เป็นอย่างงี้แหละ ชอบใจร้อน”

“กูไม่เคยใจเย็นกับเรื่องของมึงเมษ!”

สายตาเฉียบคมจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมของ เพื่อนสาว ความในใจที่เก็บกลั้นเอาไว้เขาแทบอยาก ระเบิดมันออกมา

ไม่รู้ว่าเขาจะทนได้ถึงเมื่อไหร่..

ใจที่พึ่งแตกสลายของสาวเจ้าเหมือนถูกปลอบ โยนด้วยสายตาอบอุ่นของเพื่อนสนิท เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา เพื่อนคนนี้ยังคอยเป็น เซฟโซนให้เธอเป็นอย่างดี