ตอนที่ 1
@กรุงเทพมหานคร
“พริกเสร็จหรือยังลูก” เจ้าของใบหน้าสวยราวกับ ปั้นแต่งหันมองยังประตูห้องนอน เมื่อได้ยินเสียงคน เป็นแม่เอ่ยถาม
“เสร็จแล้วค่า” น้ำพริก ตอบกลับก่อนจะหันไป มองยังกระจกอีกครั้ง เพื่อสำรวจเสื้อผ้าหน้าผมว่า เรียบร้อยดีหรือยัง เมื่อเห็นว่าสวยเป็นที่น่าพึงพอใจ แล้วก็รีบคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพาย จากนั้นก็เดินตรง ไปยังประตูห้องนอนทันที...
หลังจากยกกระเป๋าสัมภาระขึ้นรถเรียบร้อย สอง แม่ลูกก็ขึ้นไปนั่งบนรถ นลินญา ผู้ซึ่งเป็นแม่เมื่อนั่งยัง ตำแหน่งคนขับแล้ว ก็หันไปมองลูกสาวของเธอที่นั่ง อยู่เบาะข้าง ๆ ครู่หนึ่ง พอเห็นน้ำพริกนั่งรถเรียบร้อย ก็ค่อย ๆ เคลื่อนรถขับออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยัง จังหวัดสุรินทร์ทันที...
รถเก๋งสีขาวแล่นบนถนนที่ทอดยาวสุดลูกหูลูก ตา ขณะเสียงบทสนทนาของสองแม่ลูก ดังขึ้นไม่ว่าง เว้นตลอดระยะทาง ซึ่งใช้เวลาเดินทางนานกว่าหกชั่ว โมงรถคันกล่าวก็เลี้ยวยังทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่ สองข้างทางนั้นรายล้อมไปด้วยทุ่งนาเขียวขจี เหนือ ต้นข้าวเต็มไปด้วยฝูงนกกำลังบินเล่นลมอย่างเริงร่า
บรรยากาศรอบข้างทำเอาร่างอรชรอดที่จะจรด ปลายนิ้วเรียวยาวลงยังปุ่มเปิดกระจกไม่ได้ เมื่อบาน กระจกเปิดกว้างสายลมเย็น ๆ ก็พัดผ่านเข้ามา ปะทะ ยังใบหน้าสายจนผมเผ้าปลิวสยาย
ก่อนที่คนตัวเล็กจะยื่นหน้าออกไปด้านนอก ขณะตาคู่สวยมองบรรยากาศรอบข้างด้วยใบหน้ายิ้ม แย้ม จากนั้นก็สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดจนได้กลิ่น หอมอ่อน ๆ ของต้นข้าวฟุ้งกระจาย...
การกระทำของน้ำพริกอยู่ภายใต้สายตา
ของนลินญาที่นั่งมองอยู่ เห็นเช่นนั้นก็อดยิ้มตามไม่ ได้ เมื่อเห็นลูกสาวดูหลงรักที่นี่ไม่น้อย ซึ่งก็เป็นเรื่องดี จะได้ไม่มีปัญหาในคราที่น้ำพริกนั้นแต่งงานแล้วย้าย มาอยู่ที่นี่กับลูกชายของเพื่อนสนิท
“อากาศดีจัง”
“อยากย้ายมาอยู่ที่นี่เร็ว ๆ ไหมล่ะ แม่จะได้คุย กับกัญญา ให้เลื่อนงานแต่งเข้ามาเร็วขึ้น” ขณะตาคู่ สวยสนใจกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า พอได้ยินคำพูดของคน เป็นแม่ก็รีบเอ่ยตอบกลับไปทันควัน ราวกับไม่ต้องคิด ให้ปวดหัว
“ถ้าเขายอมแต่ง แม่รีบบอกน้ากัญญาให้เลื่อน งานแต่งเข้ามาเร็ว ๆ เลย”
“ไม่ค่อยอยากแต่งเท่าไรเลยนะ” เป็นเรื่องจริง อย่างที่แม่เธอพูดไม่มีผิดเพี้ยน เพราะเธออยากแต่ง งานกับลูกชายของเพื่อนแม่เธอจริง ๆ เพียงแต่อีกคน นั้นยังไม่พร้อม ขอเวลาอีกหนึ่งปีจึงทำอะไรไม่ได้นอก จากรอ
น้ำพริกไม่ได้ตอบกลับไปเพียงแต่ยกไหล่ขึ้น
ก่อนที่สายตาจะสะดุดกับเจ้าของร่างสูงโปร่ง ใบ หน้าหล่อเหลารับกับจมูกโด่งคมสัน สวมใส่เพียง กางเกงยีนขายาวตัวเดียว ท่อนบนเปลือยเปล่าโชว์ กล้ามหน้าท้องเป็นมัด ๆ และรอยสักน่าเกรงขาม บน บ่ามีเสื้อยืดสีดำพาดอยู่ ยืนมองเธอด้วยใบหน้าเรียบ นิ่งไร้ซึ่งความรู้สึก อยู่ที่บันไดบ้านกับคนงานของเขา
เห็นเพียงเท่านั้นก็ทำเอาหัวใจของเธอเต้นสั่นระ รัว ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พบเจอเขา...
ทางด้าน ก้อง ขณะกำลังก้าวเดินลงบันไดเพื่อไป ทำงาน จู่ ๆ ก็เห็น ราม ลูกน้องของตนวิ่งขึ้นบันได บ้านมาด้วยท่าทีเร่งรีบเสียก่อน เขาจึงหยุดมองแล้ว ฟังสิ่งที่อีกคนกำลังเอ่ยบอกทั้งที่ยังยืนเหนื่อยหอบ...
“อ้ายก้องเมียกะแม่เฒ่าเจ้ามา” (พี่ก้องเมียกับแม่ ยายพี่มา) ตาคมกริบมองชายหนุ่มรุ่นน้องด้วยใบหน้า เรียบนิ่ง ขณะในหัวนั้นเต็มไปด้วยคำถาม เมื่อไม่เข้าใจ ว่ามันจะวิ่งมาบอกเรื่องแค่นี้ให้เหนื่อยทำไม ทั้งที่ก็แค่ คนสนิทของแม่ตนมา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตนเสียหน่อย
ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเช่นเดียว กับใบหน้า...
“บ่แม่นเมียกู” (ไม่ใช่เมียกู) สิ้นประโยคบอกกล่าว ก้องก็ละสายตาจากรามไปยังน้ำพริกที่กำลังยกมือไหว้ พร้อมกับส่งยิ้มให้ แต่เขากลับมองเธอนิ่ง ๆ อีกทั้งยัง ไม่คิดจะรับไหว้อีกต่างหาก ก่อนจะเบี่ยงสายตาไป ทางนลินญาแล้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตามมารยาท จาก นั้นก็เดินลงบันไดบ้านไปยังเรือนรับรองเพื่อปั้นเศียร และโขนที่ลูกค้าสั่ง...
ท่าทีเมินเฉยของร่างสูงที่แสดงออกมาอยู่ภายใต้ ตาคู่สวยที่มองอยู่ เห็นเช่นนั้นน้ำพริกก็หน้าเสียไม่ น้อย อีกทั้งยังอดหมั่นไส้ว่าที่สามีของเธอไม่ได้ จริง ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่นอกจากคิดในใจ...
อย่าให้ถึงวันแต่งงานนะ จะจับให้อยู่หมัดเลย...
“มาถึงกันเร็วจัง” ขณะร่างเล็กยืนมองแผ่นหลัง กำยำของชายหนุ่มที่เธอชอบ แต่พอได้ยินเสียงดังมา จากทางบันไดบ้านใบหน้าสวยจึงหันไปมอง ก่อนจะ เห็นกัญญาแม่ของก้องกำลังเดินลงบันไดมุ่งตรงมายัง เธอกับแม่ ร่างเล็กจึงยกขึ้นไหว้แม่สามีด้วยใบหน้ายิ้ม แย้ม จากนั้นก็ยืนพูดคุยกันเล็กน้อยแล้วช่วยกันยก สัมภาระขึ้นไปเก็บบนบ้าน...
ทางด้านก้องเมื่อวางพวงมาลัยลงบนพานด้าน หน้าเศียรพ่อแก่ ที่มีเครื่องสักการะไม่ว่าจะเป็นหมาก
การตากแห้งแล้ววางอยู่ด้านหน้า มือหนาก็เอื้อมไป หยิบซองยาเส้นกับกระดาษมวนมาพันยาสูบ เพื่อเติม สารนิโคตินเข้าปอดก่อนเริ่มงาน
ชายหนุ่มไม่ได้สูบเป็นประจำ เขามักจะสูบก่อน ปั้นเศียรเท่านั้น เพื่อให้สมองโล่งและผ่อนคลายจะได้ ทำงานอย่างคล่องแคล่ว เพราะงานที่ทำนั้นต้องใช้ สมาธิมาก ๆ ...
หลังจากพันยาเส้นเสร็จก็ส่งเข้าปากยกมืออีกข้าง ป้องลม จากนั้นก็จัดการจุดไฟที่ปลายมวน แล้วสูบ ควันสีขาวเข้าปอดหนัก ๆ จับมวนยาสูบออกจากริมฝี ปาก แล้วพ่นควันสีเทาให้ล่องลอยไปตามอากาศ พอ สมองโล่งก็เตรียมจะ...
“อ้ายก้องอย่าฟ้าวถิ่มเสียดายของเปิด เดี๋ยวข่อย สูบต่อเอง” (พี่ก้องอย่าเพิ่งทิ้ง เสียดายของหมด เดี๋ยวฉันสูบต่อเอง)
หลังจากเก็บหัวโขนที่ตากแดดวางลงยังเตียงไม้ สัก พอเห็นลูกพี่ตนกำลังจะทิ้งยาสูบชายหนุ่มจึงรีบยก มือห้าม ก้องได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองรามพร้อมกับส่ง ยาสบให้ จากนั้นก็เริ่มปั้นหัวโขนทศกัณฐ์ที่ลูกค้าสั่ง....
ในเวลาเดียวกันบนชั้นสองของตัวบ้าน หลัง จากนลินญาเอากระเป๋าไปเก็บในห้องนอนเรียบร้อย ก็
เดินออกมาข้างนอกเห็นกัญญานั่งอยู่ที่โซฟาจึงเดินไป นั่งลงด้านข้าง
เดิมทีทั้งสองไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เหตุที่รู้จักกัน เกิดขึ้นในตอนที่นลินญาถูกพ่อของน้ำพริกทิ้งไปอยู่ กับเมียน้อย ทำให้ชีวิตครอบครัวของเธอพังแถม ยังหมดกำลังใจในการเดินหน้าต่อ เพราะไม่คิดว่าชาย ที่อยู่ร่วมชีวิตกันมาจนลูกโตจะทิ้งกันได้ลงคอ...
ในช่วงเวลานั้นนลินญาไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหัน หน้าเข้าวัดปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง ทำให้พบเจอกับ กัญญาที่ไปปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกัน พอได้มีการพูด คุยจึงทำให้ทั้งสองรู้จักและสนิทกันตั้งแต่นั้นมา...
และในตอนนี้นลินญาก็ไม่ได้ถือโทษโกรธพ่อของ น้ำพริกแล้ว เนื่องจากเขานั้นเกิดอุบัติเหตุทำให้จาก โลกนี้ไปแล้ว...
หลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายนั้นมาได้ นลินญาก็ไม่อยากให้น้ำพริกต้องพบเจอผู้ชายเหมือน สามีเธออีกเพราะกลัวลูกสาวจะเสียใจ จนมีความคิด ไม่อยากให้น้ำพริกนั้นคบกับผู้ชายคนไหนเลย กระทั่ง ได้มาเจอกับก้องลูกชายของกัญญาทำให้ความคิด ของนลินญานั้นเปลี่ยนไปทันที...
ซึ่งไม่ต่างจากกัญญาเมื่อเห็นลูกชายของเธอไม่
สนใจผู้หญิงคนไหนเลย ชีวิตเอาแต่ทำงานทั้งที่อายุอา นามก็เข้าเลขสามแล้ว จึงกลัวว่าจะขึ้นคานเสียก่อน อีกทั้งเธอกลัวจะไม่ได้อุ้มหลานด้วย
หญิงวัยกลางคนทั้งสองจึงพูดคุยเรื่องลูก ๆ ของ พวกเธอ จบด้วยการตัดสินใจให้เด็กทั้งสองตบแต่ง กัน แม้เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัว แต่ด้วยความรักและ ความเป็นห่วงจึงทำให้ทั้งสองตัดสินใจทำเช่นนี้....
“เฮ้อ~” หลังจากน้ำพริกจัดเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ กระโดดขึ้นไปนอนบนเตียง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้น มากดเล่น แต่ก็เล่นได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น ก็ไม่อาจ ทนต่อความง่วงได้จึงหลับไปในที่สุด...
ร่างเล็กนอนหลับใหลอยู่ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยม เป็นเวลานานสองนานกว่าจะรู้สึกตัวก็เย็นย่ำ เมื่อ สัมผัสได้ถึงแสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องเข้ามาทางหน้า ต่างกระทบยังใบหน้า เปลือกตาสีเนื้อจึงค่อย ๆ เปิด ขึ้น พร้อมกับร่างเล็กบิดตัวไล่ความขี้เกียจ พอเห็นว่า เย็นแล้วก็รีบดันตัวลุกจากเตียงแล้วเดินออกไปข้าง นอกห้องทันที...