ตอนที่ 1 0%
เรื่อง : [END] สามีจำเป็น | ป๋อจ้าน (มีเล่มสต็อก+Ebook)
0%
โดย : WindmillsP
มันจะดีสักแค่ไหนหากผู้ชายสองคนที่มีดีพร้อมทั้ง ฐานะและหน้าตาต้องมาแต่งงานกัน
ผู้คนที่พบเห็นต่างก็ยกยอปอปั้นว่าช่างเหมาะสมกัน ดั่งกิ่งทองใบหยกจนอดที่จะอิจฉาไม่ได้
แต่ใครเล่าจะรู้ว่าลึก ๆ แล้วสำหรับพวกเขาทั้งสองคน นั้นอาจรู้สึกเหมือนกำลังเดินลงนรกไม่ปาน
คนทั้งคู่ไม่ได้โดนพ่อแม่หรือใครบังคับให้แต่งงานกัน เหมือนอย่างในละครหลังข่าว
นี่มันยุคสมัยไหนแล้วคงไม่มีใครยอมให้เรื่องแบบนั้น เกิดขึ้นแน่
แต่ทว่าชะตากรรมของอาโปก็ไม่ได้ต่างจากการโดน คลุมถุงชนสักเท่าไรนักเพียงแต่กลายเป็นเขาที่เลือกหยิบถุงมาคลุมหัวของตัว
เองแทน
หลังจากพิธีเข้าหอเสร็จสิ้นคนที่ชิงเข้าไปอาบน้ำ ได้ก่อนอย่างอาโปก็นั่งพิง หัวเตียงไถหน้าจอโทรศัพท์ ไปพลาง ๆ ก่อนที่ดวงตาคู่กลมจะเหลือบมองร่างสูงที่ เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำเล็กน้อยแล้วค่อยลาก สายตากลับมาสนใจหน้าจอดังเดิม แม้ในนั้นจะไม่ค่อย มีอะไรน่าสนใจแต่มันก็ดีกว่าต้องมามองหน้าคนที่ได้ ชื่อว่าเป็นสามีหมาด ๆ
พอได้ตั้งสตินั่งไตร่ตรองดี ๆ เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าได้ ทำสิ่งที่ผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตลงไปเสีย แล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าตัวเองเพิ่งจะจด ทะเบียนสมรสกับผู้ชายคนนี้ไป
“ไหนบ่นว่าเหนื่อยไงแล้วทำไมไม่นอนสักที” เสียง ทุ้มเรียบระคนหงุดหงิดของไคดังขึ้นก่อนที่เขาจะออก แรงสะบัดผ้านวมไล่กลีบกุหลาบแดงให้พ้นจากเตียง ฝั่งของตัวเองแต่แทนที่กลีบดอกไม้สีแดงสดนั้นจะตกลงปลาย เตียงมันกลับมากองรวมกันอยู่ที่ฝั่งของอาโปแทน บางกลีบก็ปลิวปะทะเข้ากับดวงหน้าหวานอย่างจังจน คนที่โดนยั่วโมโหถึงกับหันมองค้อนขวับ นี่นับเป็น ความสามารถพิเศษของไคเลยก็ว่าได้ที่ทำให้คนใจเย็น ดุจสายน้ำอย่างเขาจุดเดือดลดต่ำลงอย่างง่ายดาย
“จะนอนไม่นอนมันก็เรื่องของฉัน!” อาโป กระแทกเสียงตอบพลางสะบัดผ้าห่มส่งกลีบกุหลาบ คืนให้อีกฝ่าย
“แต่ผมนอนไม่เกินห้าทุ่ม”
“บอกทำไมอะใครอยากรู้?”
“ถ้าไม่ได้นอนห้องเดียวกันก็คงไม่บอกให้เปลือง น้ำลายหรอกนะ” ไคตัดบทเดินหนีไปปิดไฟก่อนที่อา โปจะตั้งท่าเถียงกลับ ยืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปมี หวังคืนนี้เขาคงไม่ได้นอนกันพอดี
คนที่โดนปิดไฟใส่ได้แต่กัดฟันกรอดมองร่างสูงที่ เดินฝ่าความมืดกลับมาล้มตัวนอนบนเตียงด้วยแววตา เกรี้ยวโกรธ ริมฝีปากอิ่มเริ่มขยับมุบมิบไร้เสียงเมื่อเจ้าตัวพยายามท่องสูตรคูณในใจเบี่ยงเบนให้สมองไป คิดเรื่องอื่นแทนเผื่ออารมณ์เขาจะสงบลงได้บ้าง ไม่ว่า เวลาจะผ่านมาสักกี่สิบปีเขาก็ยังต้องใช้วิธีนี้เหมือน เดิม อยู่ใกล้ไคทีไรไมเกรนเขาจะขึ้นทุกที ไม่รู้ว่าหลัง จากคืนนี้ไปเขาต้องกินยาแก้ปวดหัวทุกวันหรือเปล่า
“แล้วจะทำยังไงต่อ” หลังจากปล่อยให้ห้องหอตก อยู่ในความเงียบนานหลายนาทีไคก็เป็นฝ่ายโพล่งขึ้น
“เรื่องอะไร?”
“เรื่องแต่งงานของเราไง ได้คิดอะไรไว้บ้างไหม”
“ฉันยังไม่ได้คิดอะไรเลย” เสียงหวานที่เคยแข็ง กร้าวก่อนหน้าแผ่วลงจนแทบต้องเงี่ยหูฟัง “งงไป หมด” ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นเมื่อเช้าจนถึงตอนนี้เขามึน และยุ่งเกินกว่าที่จะมีเวลาคิดเรื่องของอนาคตได้
“คงแค่ย้ายไปอยู่คอนโดละมั้ง เพราะฉันตั้งใจใช้ที่นั่นเป็นเรือนหอ” หากจะเอาคำตอบเขาก็ตอบได้ เพียงเรื่องนี้เท่านั้น ถ้าเป็นเรื่องอื่นก็ไม่รู้ว่าระยะเวลา ที่แต่งงานกันมันจะมากพอให้เขาหาคำตอบให้ตัวเอง ได้หรือเปล่า
“แล้วผมต้องไปอยู่ที่นั่นด้วยไหม?”
“ตามใจนายเลย อยากไปก็ไปถ้าไม่อยากย้ายก็ไม่ เป็นไร แต่ฉันจะอยู่ที่นั่นจนกว่าจะครบกำหนดหย่า ของเราแล้วค่อยย้ายกลับมาอยู่กับคุณย่า”
จากเหตุการณ์ในวันนี้คงทำให้เขาเข็ดขยาดกับ ความรักไปอีกนาน และคงไม่กล้ามอบความรักจน หมดหัวใจให้ใครแบบนี้แล้วอีก สู้เอาเวลาทั้งหมดมา ทุ่มเทดูแลผู้หญิงที่รักเขาจากหัวใจยังจะดีเสียกว่า
“ต่อให้ไม่อยากไปแต่แต่งงานกันแล้วก็ต้องอยู่ ด้วยกันอยู่ดี”
“ก็บอกว่าถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปไงเล่า เดี๋ยวฉันหาทางคุยกับคุณย่าเองไม่ต้องห่วง”
“ไม่เป็นไรหรอกแค่สามเดือนผมทนได้ อย่าทำให้ คุณย่ากังวลเรื่องแยกกันอยู่เลย”
“ขอบใจนะที่ยอมฝืนอยู่ด้วยกัน” อาโปส่งเสียง ลอดไรฟันพลางปรายหางตามองคนข้างตัว กับคน แบบนี้ถ้าไม่เดือดร้อนจริง ๆ ให้ตายเขาก็ไม่มีทางยอม แต่งงานด้วยแน่
“นอนได้แล้วพรุ่งนี้ผมต้องทำงาน” ไคใช้เสียงเข้ม ขึ้นกว่าเดิมเอ่ยบอกหวังให้คนที่ยังนั่งพูดเจื้อยแจ้ว นอนลงเสียที
ทั้งที่วันนี้เขาตั้งใจลางานมาเพื่อเป็นแขกงานแต่ง แต่ดันจับพลัดจับผลูได้เป็นเจ้าบ่าวเสียเอง ดีที่ว่าอาโป จัดเพียงพิธีเล็ก ๆ เชิญแค่คนในครอบครัวและแขก สนิทเพียงไม่กี่คนเขาจึงไม่รู้สึกเหนื่อยมากนัก
ส่วนผู้ใหญ่ทางฝ่ายเขาก็ทำได้แค่ร่วมพิธีและ อวยพรผ่านหน้าจอโทรศัพท์ เพราะหากจะให้พ่อแม่ เขาที่อยู่ต่างประเทศกลับมาร่วมงานแต่งที่แสนฉุก ละหุกนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้
“แล้วนายจะย้ายเข้าคอนโดวันไหน?”
“ก็ต้องเข้าอยู่พร้อมกันสิ” ไคตอบด้วยน้ำเสียง เหนื่อยหน่ายเต็มที
“ไหนว่าพรุ่งนี้ทำงานไง?”
“หลังเลิกงานผมจะกลับมาเก็บเสื้อผ้าที่บ้านแล้ว ไปนอนที่นั่น โอเคไหม?”
“อ้อ โอเค”