ตอนที่ 2
จิณณ์ไม่ค่อยได้สนใจสาวธุรการคนนี้สัก เท่าไร เพราะปกติเขาจะรับงานผ่านชลลดา เลขาส่วนตัวที่ทำงานด้วยกันมานาน นอกนั้น ก็คุยกับบรรดาสถาปนิกของบริษัท บัญชี ฝ่าย บุคคล หรือคนอื่นๆ ที่จำเป็นจะต้องติดต่อ งานกับเขาโดยตรง ส่วนช่างเขียนแบบ พนักงานธุรการ และพนักงานส่งเอกสารนั้น เขาไม่ค่อยได้ไปสุงสิงด้วย
แต่ก็ใช่จะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของวริษา
เขา จำได้รางๆ ว่าเธอเข้ามาทำงานที่นี่ได้ราวสอง สามปีแล้ว ชายหนุ่มเคยคุยกับเธอแทบนับคำ ได้ ถ้าไม่บังเอิญเจอกันหน้าลิฟต์แล้ว หญิงสาวยกมือไหว้ทักทาย เขาก็ไม่เคยคุย อะไรกับเธอมากกว่านั้น
จนกระทั่งคืนนั้นที่เธอจู่โจมเข้ามาจูบเขา อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว จิณณ์ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมคืนนั้นเขาถึงจูบตอบเธอ อาจจะเป็น เพราะแอลกอฮอล์หรือเพราะเขาห่างเรื่องผู้หญิงมานานเกินไป หรือไม่ก็คงเป็นเพราะรส ไวน์หวานๆ บนริมฝีปากฉ่ำๆ ของหญิงสาว เขาเป็นผู้ชายธรรมดาที่ร่างกายแข็งแรง เป็นปกติดี มีเลือดเนื้ออุ่นระอุและพร้อมเสมอ สำหรับเรื่องอย่างว่า แม้จะไม่ได้เตรียมตัว เตรียมใจแต่ถ้าเธอเสนอเขาก็พร้อมสนอง
ถ้าเธอแค่เมาแล้วจูบเขา จิณณ์ก็ว่าจะ ไม่ถือสา ก็แค่ปากชนปาก ไม่ใช่จูบแรกของ เขาเสียหน่อย ถึงจะยอมรับกับตัวเองว่า เนื้อตัวนุ่มนิ่มที่พาดลงมาบนหน้าขาวันนั้น
ทำให้ติดใจอยู่ไม่น้อย แต่ที่ทำให้รู้สึกเคืองก็ เพราะออกมาเห็นเธอกำลังจูบหมาหน้าร้าน คาราโอเกะนี่แหละ แถมจีรนันท์ยังอธิบายว่า ตอนวริษาเมาแล้วชอบจูบหมา ตกลงที่เธอ จูบเพราะเขาหน้าเหมือนหมางั้นหรือ...
ผ่านมาหลายวัน เหตุการณ์ในวันนั้น
จิณณ์ก็ไม่ได้ไปคิดถึงมันอีกแล้ว
กระทั่ง
มาทำงานวันแรกหลังจากหยุดยาวแล้วได้
เห็นเธอยืนทำท่าหวาดเสียวจนทนดูไม่ได้อยู่
ด้านหลังโต๊ะทำงานของกิจจานั่นแหละ ถึงได้
กระตุ้นความทรงจำในคืนนั้นของเขาขึ้นมา
อีกครั้ง จึงอยากรู้ว่าเธอกำลังดูอะไรอยู่ แล้ว กิจจาละเมิดกฎระเบียบของบริษัทที่ห้ามดู คลิปลามกอนาจารพวกนั้นหรือไม่
จนเดือดร้อนถึงโอฬารต้องเข้าไป ตรวจสอบดู และได้รู้ว่าที่วริษาบอกว่าเสียวจน ทนไม่ไหวนั้นเป็นแค่คลิปวิดีโอการแข่งขัน มอเตอร์ไซค์ที่ใช้ความเร็วสูงเท่านั้น
ชายหนุ่มได้แต่อ่อนอกอ่อนใจแล้วกลับห้อง มาสงบสติอารมณ์ เธอไม่ได้ผิดอะไร เขา ต่างหากที่เข้าใจผิดไปเองจิณณ์พยายามตั้งสมาธิทำงาน ไม่นานก็ ลืมเรื่องพนักงานธุรการที่ไม่ได้สำคัญอะไรไป อย่างรวดเร็ว
“พี่ชล ปวดมากเลยเหรอ” เสียงคนพูด ฟังดูกังวลใจและเป็นห่วงเป็นใย จิณณ์ที่ กำลังจะผลักประตูห้องทำงานออกมาจึงชะงัก ไป
“ปวดมาก พี่ไม่รู้ว่าจะมาวันนี้ ไม่งั้นคง ลางานแล้วนอนอยู่บ้าน”คราวนี้เป็นเสียง เลขาของเขาเอง ชลลดาตอบด้วยน้ำเสียง อ่อนระโหยโรยแรง
“เดี๋ยวไวน์ซื้อแผ่นประคบร้อนขึ้นมาให้ พี่ ชลจะกินอะไรตอนกลางวัน เดี๋ยวไวน์ไปหามา โจ๊กร้อนๆ เอาไหม หรือก๋วยเตี๋ยว กินอะไร ร้อนๆ ให้ท้องอุ่น เผื่อจะดีขึ้น แล้วนี่ต้องกิน ยาอะไรหรือเปล่า” วริษาถามต่อเป็นชุด
“พี่มียาแล้ว เอาโจ๊กในมินิมาร์ตข้างล่าง ตึกนี่ก็ได้ เดี๋ยวพี่เอามาเติมน้ำร้อนเอง แต่พี่ แต่ ..ฝากไวน์เอาอาหารกลางวันขึ้นมาให้คุณจิณณ์ หน่อยได้ไหม พี่สั่งไว้แล้ว อีกห้านาทีน่าจะถึง ลงไปไม่ไหวจริงๆ ขอโทษที่รบกวนนะไวน์” ชลลดาตอบเสียงอ่อน ทั้งเกรงใจและซาบซึ้ง ในความห่วงใยของอีกฝ่าย
“ปวดท้องหนักขนาดนี้พี่ชลเคยไปหา หมอหรือยัง” วริษาถามต่อขณะที่คว้ากระเป๋า เตรียมลงไปทำธุระตามที่อีกฝ่ายสั่งไว้
“หาแล้ว นี่เดี๋ยวกินยาก็หาย ฝากไวน์เอา อาหารกลางวันคุณจิณณ์ขึ้นมาก็พอ ส่วนโจ๊กของพี่ไม่รีบ ไวน์ไปกินข้าวกลางวันให้เสร็จ ก่อนค่อยซื้อมาก็ได้” ชลลดาตอบพลางกุม ท้องหน้าซีดเซียวด้วยอาการปวดท้องประ จำเดือน
“ผมลงไปเอาข้าวเองได้ คุณชลกลับไป พักที่บ้านดีไหม เดี๋ยวผมเรียกรถมารับให้” จิณณ์ผลักประตูออกมาในที่สุด เมื่อเห็นว่า ชลลดายังไม่วายห่วงข้าวกลางวันของเขา ทั้งที่ตัวเองกำลังเจ็บป่วย เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะ ปวดท้องหนักเวลามีประจำเดือน ปกติเขาจะปวดท้องหนักเวลามีประจำเดือน ปกติเข อนุญาตให้ลาป่วยได้ รวมถึงพนักงานผู้หญิง คนอื่นๆ ในบริษัทด้วย เพราะเข้าใจอาการ พวกนี้ดี สมัยที่แม่ของเขายังไม่ถึง วัยหมดประจำเดือนก็มีอาการนี้บ่อยๆ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณจิณณ์ เดี๋ยวกินข้าวแล้ว กินยาก็ดีขึ้น” ชลลดาหันมาฝืนยิ้มให้เจ้านาย
“คุณจิณณ์ไม่ต้องลงไปค่ะ เดี๋ยวไวน์ จัดการให้ แป๊บเดียว” วริษารีบพูดก่อนจะเดิน หายลับไปทางลิฟต์
“จะได้เรื่องใช่ไหม” จิณณ์ถามอย่างไม่วางใจในตัวผู้หญิงแปลกๆ คนนั้นที่ทำให้เขา หันมาสนใจได้เมื่อไม่กี่วันก่อน
“หมายถึงไวน์น่ะเหรอคะ” ชลลดาหัวเราะ เบาๆ ทั้งที่หน้ายังซีดเผือด “ได้เรื่องแหละค่ะ ถึงจะดูเหมือนไม่ค่อยเต็ม ไม่สิ...ถึงจะดูล้นๆ ไปบ้าง แต่เรื่องงานไม่เคยผิดพลาดเลยนะคะ ตั้งใจสุดๆ ฝากทำอะไรก็ไม่เคยบ่น”
“อืม” จิณณ์รับคำสั้นๆ ก่อนจะเดินไป ชงกาแฟที่แพนทรี ทีแรกเขาคิดจะออกมา ขอกาแฟจากชลลดา แต่เมื่อเห็นอีกฝ่าย ปวดท้องจึงไม่อยากรบกวน
เขาเพิ่งชงกาแฟเสร็จ วริษาก็เดินถือ กล่องข้าวกลางวันของเขาที่ผูกปิ่นโตเอาไว้กับ ร้านแถวนี้ขึ้นมา เธอเม้มปากนิดๆ ขณะเบี่ยง ตัวหลบให้เขาออกจากห้องแพนทรีไปก่อน แล้วจึงเอาอาหารเข้าไปจัดจานให้ จิณณ์ยืน หน้าห้องรอจนเธอจัดเสร็จแล้วจึงแย่งจาน ข้าวมาถือ
“ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมถือไปเอง คุณรีบ ลงไปกินข้าวเถอะ” ชายหนุ่มพยักหน้าให้เธอ
“คุณจิณณ์เป็นห่วงไวน์เหรอคะ” วริษา
กะพริบตาปริบๆ สุดขีด ยิ้มหวานทำสีหน้าซาบซึ้ง
จิณณ์อยากแก้ไขความเข้าใจผิดของเธอ แต่ก็ไม่อยากพูดมาก จึงได้แต่ส่ายศีรษะแล้ว รีบเดินกลับห้อง
ตอนที่เขากินข้าวเสร็จแล้วจะเอาจาน ออกไปวางในอ่างเพื่อรอแม่บ้านมาล้าง เห็นวริษากลับขึ้นมาพร้อมโจ๊กหมูหนึ่งถุง กำลังกุลีกุจอเทใส่ถ้วยให้ชลลดาที่มีสีหน้าดี เล็กน้อย
“พี่บอกว่าเอาโจ๊กสำเร็จรูปในมินิมาร์ต ก็ได้ไง นี่ไวน์เดินไปซื้อร้านเฮียฮั่งเลยเหรอ เดินก็ไกล แล้วตอนกลางวันแบบนี้คิวไม่ยาว แย่เลยหรือไง โธ่ พี่เกรงใจนะไวน์ แล้วกลับ ขึ้นมาเร็วขนาดนี้แสดงว่ายังไม่ได้กินข้าวละสิ ใช่ไหม” เลขาของจิณณ์ถามสาวธุรการด้วย น้ำเสียงเกรงอกเกรงใจเมื่อเห็นถุงโจ๊กจาก ร้านดังแถวนี้
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ชลไม่ต้องเกรงใจ โจ๊กร้าน เฮียฮั่งอร่อยกว่าโจ๊กประป๋องตั้งเยอะ วันนี้คิวเดินไปซื้อให้ ช่วงนี้เหมือนกระโปรงจะเริ่มคับ ๆ แล้วเนี่ย แล้วไวน์ก็แวะซื้อก๋วยเตี๋ยวขึ้นมากิ นข้างบนเลย พี่ชลจะได้ไม่ต้องรอนาน กินข้าว แล้วรีบกินยา จะได้หายปวดท้องไวๆ นะคะ ถ้า จะให้ไวน์ช่วยทำงานอะไรก็บอกได้” วริษาพูด ยิ้มๆ ขณะเลื่อนถ้วยโจ๊กไปตรงหน้าคนป่วย
“ขอบใจมากนะไวน์” ชลลดายิ้มตอบอีก ฝ่ายที่มักจะมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงานเสมอ และเพราะวริษาเป็นคนแบบนี้เอง เวลาที่เธอ ทำตัวแปลกประหลาดไปบ้างจึงไม่เคยมีใครถือสา ออกจะเอ็นดูแล้วเห็นเป็นเรื่องตลก เสียมากกว่า
จิณณ์เดินผ่านหลังโต๊ะทำงานของวริษา เพื่อเอาจานข้าวไปเก็บ เห็นเธอกำลังใส่หูฟัง ดูซีรีส์เกาหลีที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ พลางสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากอย่าง เอร็ดอร่อย เขามองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน ขึ้นโดยไม่รู้ตัว